การแข่ง Moto GP เป็นสุดยอดการแข่งมอเตอร์ไซต์ที่เร็วที่สุด ที่จัดมาต่อเนื่องยาวนานกว่า 80 ปี เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1949 ภายใต้รายการ World Champion Motorcycles Grand Prix และได้เปลี่ยนมาเป็น MotoGP ในปี 2002
การเริ่มต้นเมื่อปี 2018 นี้ประเทศไทยได้มีสนามที่รองรับมาตรฐาน ของการแข่งมอเตอร์สปอร์ตระดับโลกนี้ไว้ด้วย เรามาทำความรู้จัก ความเป็นมาและกฏกติกาในการแข่งขันกัน เพื่อที่จะทำให้เราได้เข้าใจและดูการแข่งขันได้สนุกแบบสุดขีดนั่นเอง

ความเป็นมาของการแข่งขัน Moto GP
โดยในปี 1949 เรียกว่าเป็นปีแรกของมอเตอร์สปอร์ตที่เริ่มต้นทำการแข่ง โดยการแข่งแบ่งรุ่นกันออกไป 5 รุ่น ได้แก่ 125 ซีซี 250 ซีซี 350 ซีซี 500 ซีซี และ Sidecar มีเครื่องยนต์แบบ สองจังหวะ และมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันกับนวัตกรรมของเครื่องยนต์รุ่นใหม่
มีการเปลี่ยนแปลงวงการครั้งใหญ่ที่สุดเป็นในปี 2002 และมีการเปลี่ยนชื่อรายการแข่งขันจากเดิมมาเป็น Moto GP และได้ปรับเรื่องของเครื่องยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน แยกกรแข่งออกมาเป็น 3 รุ่น ด้วยกันประกอบไปด้วยเครื่องยนต์ ที่มาทดแทนระดับ 500 ซีซี
และมีการแยกกติกาการแข่งด้วยเครื่องยนต์ 4 จังหวะออกมาอย่างชัดเจน โดยที่เครื่องยนต์จะต้องมีขนาดความจุของกระบอกซีซีตั้งแต่ 800 – 1000 ซีซี ถ้าเป็นการแข่งแบบเครื่องยนต์ 2 จังหวะ จะต้องมีขนาดความจุไม่เกิน 500 ซีซี ต้องมีขนาดของเครื่องยนต์ 125 ซีซี และ 250 ซีซี เหมือนเดิม ซึ่ง ในปี 2010 ได้มีการออกกฎมาใหม่ บังคับให้ทีมแข่งขันนั้นจะต้องใช้เครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะเท่านั้น จะมีขนาดของเครื่องยนต์ต้องอยู่ที่ 800 – 1000 ซีซี และจะต้องมีน้ำหนักตัวรถที่ไม่ต่ำกว่า 160 กิโลกรัมขึ้นไป ต้องมีชิ้นส่วนที่ไม่ทำจากไทเทเนียม รวมไปถึงห้ามติดตั้งระบบ Super Charger หรือระบบ Turbo เพื่อเข้ามาช่วยในการเร่งกำลังเครื่องอีกด้วย

การให้คะแนนภายหลังจบการแข่งขัน
เป็นการสะสมคะแนนเพื่อไปชิงรางวัลประจำปี โดยที่คนที่ชนะในแต่ละสนามจะได้คะแนนสะสม 25 คะแนน อันดับที่สอง 20 คะแนน และอันดับที่สาม 16 คะแนน และจะเป็นการลดลำดับคะแนนลงไปเรื่อย ๆจนถึงอันดับที่ 15 จะได้ 1 คะแนน ถ้าไม่เข้าเส้นชัย หรือว่ามีการเข้าเส้นชัยที่ต่ำกว่าที่กำหนดไว้ จะไม่ได้คะแนนสะสม
เป็นข้อมูลการดูและเชียร์การดู MotoGPเบื้องต้น และเป็น กีฬามอเตอร์สปอร์ต ที่เรียกได้ว่าเป็นรายการที่ใหญ่ที่สุดที่มีมาโดยตลอด หากเพื่อนๆ ทำความเข้าใจและศึกษาจะเห็นได้เลยว่า ไม่ได้มีแค่รายการนี้เท่านั้น แต่มีรายการแข่งอื่น ๆอีก ซึ่งจะใช้กติกา และ การแข่งขัน ที่แตกต่างกันออกไป